“จิรายุ” ชี้ “นายกฯ อิ๊งค์” เซ็นตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา มา 3 เดือนแล้ว ตั้งแต่ “ทรัมป์” ยังไม่ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี จ่อประชุมสรุป 8 เม.ย.นี้ หาทางเจรจาที่ดีที่สุดเพื่อประเทศ ขอบคุณคำแนะนำฝ่ายค้าน
วันที่ 5 เมษายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่พรรคฝ่ายค้านบางพรรคออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อรับมือกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราสูงนั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามมาตรการด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกา มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก่อนการรับตำแหน่งของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เสียด้วยซ้ำ
สำหรับข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านบางพรรคที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force) นั้น คงล่าช้าไม่ทันการอย่างแน่นอน อาจเป็นเพราะพรรคฝ่ายค้านบางพรรคไม่ได้ติดตามข่าวสารว่ารัฐบาลมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อย่างเป็นระบบแล้ว นายกรัฐมนตรีคาดคะเนล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จึงได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ในวันที่ 6 มกราคม 2568 ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย
นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
นายฉันทานน์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
นางสาวใจไทย อุปการนิติเกษตร รองอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
นางขวัญนภา ผิวนิล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ
นายโอม บัวเขียว คณะทำงานประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ล่าสุดจากแถลงการณ์นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ยังได้กำหนดแนวทางความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน เพื่อรับมือผลกระทบอย่างเป็นระบบดังนี้ รัฐบาลพร้อมหารือกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในโอกาสแรก เพื่อปรับดุลการค้าให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และจัดเตรียมข้อเสนอเพื่อปรับดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีสาระสำคัญเพื่อให้สหรัฐฯ ได้เจรจากับไทยที่เหมาะสม นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้เร่งประสานเอกชนปรับโครงสร้างการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวให้อุตสาหกรรมไทย และวางมาตรการรองรับในการเยียวยาและบรรเทาผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทยที่มีตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดหลัก แสวงหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเดียว ตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว
ทั้งนี้ รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าว และได้วางมาตรการรองรับในการเยียวยาและบรรเทาผลกระทบที่อาจมีต่อผู้ประกอบการส่งออกของไทยที่มีตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดหลัก ซึ่งนายกรัฐมนตรียังติดตามผลการประชุมอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่า 4 เดือน และในวันอังคารที่ 8 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานเกี่ยวกับมาตรการการค้าสหรัฐอเมริกา เวลา 13.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหัวหน้าส่วนราชการทั้งหมด เข้าร่วมประชุม
“ขอย้ำว่า รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมเพื่อปรับดุลการค้าให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยจะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด และขอขอบพระคุณที่พรรคฝ่ายค้านบางพรรคให้คำแนะนำ”
“หมอเชิดชัย” ชี้ พรรคเพื่อไทยยังมีเวลายื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เชื่อ 4 ร่างในสภาฯ ถกไม่ทันสมัยนี้ รับ ออกกฎหมายกาสิโนเร่งรีบ เพราะต้องการเงินแก้เศรษฐกิจประเทศ
วันที่ 5 เมษายน 2568 นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเตรียมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) และต่อด้วยการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีการเมือง 4 ร่าง ในวันที่ 9 เมษายนนี้ ว่า มันไม่จบทั้งหมดอยู่แล้ว อาจจะได้เรื่องสองเรื่อง แต่เลื่อนการพิจารณาเรื่องนิรโทษกรรมขึ้นมาดีแล้ว เพราะตนเป็นกรรมาธิการวิสามัญศึกษาเรื่องนิรโทษกรรม เราก็ผลักดันอยากให้มีและเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้วในอดีตที่ผ่านมาที่อยากช่วยผู้ที่มีปัญหาทางการเมือง
ส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เราต้องเอาความจริงมาพูดว่าความจริงประเทศไทยมีเงินหรือไม่ พรรคเพื่อไทยพอเป็นรัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เงินก็ไม่มี การกระจายเงินก็ไม่ดี เลยคิดหาเงินตั้งแต่การกระตุ้นเศรษฐกิจเงินหมื่น ต้องเห็นใจว่าพรรคเพื่อไทยต้องการหาเงินเข้าประเทศ แต่ไม่ใช่การส่งเสริมอบายมุข เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้องมีการลงทุนเป็นแสนล้าน มีกาสิโนนิดหนึ่ง แทนที่จะพูดว่าจะมีการลงทุนเยอะๆ มาลงในเมืองไทย ต้องเอามาพูดกันให้เป็นเหตุผล
เมื่อถามว่าการยกเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ขึ้นมาพูดก่อนเพื่อให้ฝ่ายค้านเห็นชอบโดยเร็ว เพื่อไปพิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทันทีนั้น นพ.เชิดชัย ตอบว่า นิรโทษกรรมอย่างไรก็ต้องไปพูดคราวหน้าอยู่แล้ว ดีกว่าอยู่ในคิวแล้วไม่ถึงคิวสักที
“ผมเชื่อว่าเรื่องนิรโทษกรรมพิจารณาไม่ทัน เพราะเหลือเวลาอีก 2 วัน คือวันที่ 9 และ 10 เมษายน ทำยังไง ผมคิดว่าทุกอย่างต้องพูดตามความจริง ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลมีเหตุผลที่จะหาเงิน”
ส่วนคำถามถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมือง 4 ร่างในสภาฯ ไม่มีร่างของพรรคเพื่อไทย นพ.เชิดชัย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ต้องคุยกันเพราะเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว เมื่อวานนี้ (4 เมษายน) ตนคุยกับ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายชูศักดิ์ ระบุจะปรึกษาฝ่ายกฎหมายว่าเอาอย่างไร ยังมีเวลาอยู่ อีกไม่กี่วัน ถ้าเลื่อนการพิจารณาออกไปพรรคเพื่อไทยก็ยื่นร่างประกบได้ พอเปิดประชุมสมัยหน้าก็ว่ากันเต็มที่ไม่ดีกว่าหรือ และตนก็เสนอว่าพรรคเพื่อไทยควรจะมี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าไปประกบ ส่วนจะเอาอย่างไรไปดูตามที่คณะกรรมาธิการเคยเสนอไว้
ผู้สื่อข่าวถามย้ำ พรรคเพื่อไทยจะทำความเข้าใจกับมวลชนอย่างไร นพ.เชิดชัย กล่าวว่า พูดความจริง และพยายามคุยกันว่าต้องมีกฎหมายออกมา ถ้าจะดีที่สุดพรรคเพื่อไทยต้องเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกบ และอธิบายความจริงให้ฟัง
“มวลชนเข้าใจผิดอยู่แล้ว เพราะด้วยความใจร้อน พรรคเพื่อไทยเคยมี พ.ร.บ.ต้านรัฐประหาร สุดท้ายทำได้หรือไม่ เปลี่ยนระเบียบกลาโหมที่เสนอเข้ามาทำได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าไม่มีความกล้าหาญ พูดตรงๆ มีอะไรหลายอย่างในบ้านเมืองนี้ไปถึงจุดหนึ่งมันทำไม่ได้ เพราะอะไรผมขอไม่พูด และถ้าเอาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้ามาพูดทันที ถ้าไม่เตรียมให้พร้อมจะผ่านหรือไม่ ผ่านไปแล้วจะผ่านสมาชิกวุฒิสภา (สว.) หรือไม่ ต้องคิดยาวไปนิดหนึ่ง และเวลาช่วงนี้เหมาะสมหรือไม่”
“ภูมิธรรม” ย้ำ ภารกิจสำคัญสุดเร่งช่วยเหลือผู้รอดชีวิต-นำร่างผู้เสียชีวิตคืนครอบครัว รอสถานการณ์คลี่คลาย ก่อนประชุมสรุปสอบสวนสาเหตุ
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 5 เมษายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมสอบสวนสาเหตุอาคารก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่มจากแผ่นดินไหว ว่า เรื่องนี้เป็นกระบวนการ หากได้เห็นการแถลงของนายกรัฐมนตรี และหากได้ติดตามการทำงานของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ที่ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานดำเนินการ และในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีคำสั่งให้ทุกกระทรวงว่าให้ใครรับผิดชอบอะไรบ้าง
นายภูมิธรรม กล่าวต่อไป ขออย่าคิดว่าเป็นเรื่องตึกถล่มและจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเรื่องการกู้ภัยสำคัญที่สุด เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตของคน เราก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ กองทัพก็ได้ส่งกำลังพลไปช่วยเหลือตั้งแต่วันแรก เพราะฉะนั้นจากนี้ไปหน่วยงานไหนที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำหน้าที่ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และได้ดำเนินการตามกระบวนการทั้งหมด
ในช่วงท้าย นายภูมิธรรม ยังเผยด้วยว่า ขอให้เรื่องนี้คลี่คลาย ทั้งการค้นหาผู้รอดชีวิต และการหาร่างผู้เสียชีวิต เพื่อให้ญาตินำร่างไปบำเพ็ญกุศล.
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประชุม ด่วนหารือกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ คาดรายได้การส่งออกไทยเสียหาย 8-9 แสนล้านบาท วอนรัฐบาล เร่งเจรจาสหรัฐฯ หาทางแก้ไขด่วน ด้านกระทรวงพาณิชย์ แจงสหรัฐฯปรับแก้อัตราจัดเก็บภาษีตอบโต้ไทยเป็น 36% เท่ากับที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯแถลง หลังเกิดความ สับสนจากเอกสารทางการที่ระบุตัวเลข 37% ศูนย์วิจัยกสิกรมองภาษีทรัมป์ 36% กระทบส่งออกไทย 4 แสนล้าน กดจีดีพีต่ำลง 1 % เงินลงทุนโดยตรง ต่างชาติชะลอ
ภายหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงข่าวขึ้นภาษีตอบโต้ประเทศคู่ค้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 เม.ย.ตามเวลาสหรัฐอเมริกา ตรงกับเวลาไทย 03.00 น. วันที่ 3 เม.ย.และสร้างความสับสนให้กับประเทศไทยอย่างมาก เพราะไม่ชัดเจนว่าอัตราภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯจะเก็บจากไทย จะอยู่ที่ 36% หรือ 37% กันแน่ เนื่องจากชาร์ตที่ทำเนียบขาวทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อใช้ประกอบการแถลงข่าว ปรากฏเรตอัตราภาษีตอบโต้ไทยอยู่ที่ 36%
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังกระทรวงพาณิชย์ถึงความสับสนในตัวเลขภาษี ได้รับการชี้แจงว่า ภายหลังประธานาธิบดีแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทำเนียบขาวได้เผยแพร่เอกสารอย่างเป็นทางการ ในภาคผนวก 1 (Annex I) แนบท้ายคำสั่งประธานาธิบดี (Executive Orders : Regulating Imports with a Reciprocal Tariff to Rectify Trade Practices that Contribute to Large and Persistent Annual United States Goods Trade Deficits) ระบุอัตราภาษีตอบโต้ที่จะเก็บจากประเทศคู่ค้าต่างๆ รวมถึงไทย บนโซเชียลมีเดีย X รวมถึงเว็บไซต์ของทำเนียบขาว กลับเป็นอัตราที่ 37% โดยสหรัฐฯได้ปรับแก้ไขตัวเลขดังกล่าวใหม่ ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.ตามเวลาไทย โดยไทยจะถูกจัดเก็บที่ 36% เท่ากับอัตราที่ประธานาธิบดีแถลงข่าว ส่วนประเทศอื่นๆ มีการปรับแก้ไขด้วยเช่นกันและมีการเผยแพร่เอกสารอย่างเป็นทางการอีกครั้งบนเว็บไซต์ทำเนียบขาว ดังนั้น อัตราภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯจะเก็บจากไทยจึงอยู่ที่ 36% และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. เป็นต้นไป
...
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า จากนโยบายการประกาศปรับขึ้นภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก แต่หากประเมินตลาดหุ้นของไทยแล้ว ถือว่าปรับลดลงน้อยกว่าประเทศอื่นที่ได้เปรียบด้านการส่งออกต่อสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับลดลง แต่กรณีหุ้นไทยถ้าเทียบกับประเทศที่ได้เปรียบ ด้านการส่งออกสหรัฐฯมากกว่า ถือว่าอยู่ในระดับที่เข้าใจได้ แปลว่านักลงทุนเชื่อมั่นต่อแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ที่คิดได้ว่าผลกระทบจะไม่มาก ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยจะเป็นเพียงระยะสั้นหรือไม่ เวลานี้หุ้นทั่วโลกปรับลดลงมากบ้างน้อยบ้าง แต่การที่จะปรับขึ้นมา ขึ้นอยู่กับแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ต่างกับประเทศอื่นจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้
รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวต่อว่า สำหรับการประเมินผลกระทบต่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าไทย รัฐบาลได้ตั้งวอร์รูม พิจารณาเรื่องดังกล่าว ประชุมไปเมื่อวันที่ 3 เม.ย.และมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานไปทำการบ้าน วิเคราะห์ จัดเก็บข้อมูลต่างๆ มาเสนอรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อนำไปเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ นำไปสู่การค้าสมดุล หรือไทยเกินดุลสหรัฐฯลดลง ขณะที่มูลค่าการค้าระหว่างกันอาจเพิ่มขึ้นได้
“การเจรจากับสหรัฐฯ เป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่การจะเจรจาต้องมีข้อมูลครบถ้วน เช่น การเจรจาต่อรองการนำเข้าสินค้าเกษตร ปัจจุบันไทยนำเข้าสินค้าเกษตรที่เป็นวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตอาหารสัตว์และอาหารเพื่อการบริโภค หากไทยปรับการนำเข้าจากสหรัฐฯเพิ่มได้หรือไม่ กรณีที่สหรัฐฯเคยมาเจรจาขอลดภาษีการนำเข้าสินค้าหลายรายการหากนำมาพิจารณาอีกครั้ง จะดำเนินการสินค้าใดได้ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งพิจารณา เรื่องเหล่านี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นผลกระทบที่ใหญ่มาก เพราะไม่ค่อยเกิดขึ้นมีความซับซ้อนหลายชั้นมากเชื่อว่ามีผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทุกประเทศ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องแก้ปัญหา แต่ละประเทศแก้ไขปัญหาแตกต่างกัน” นายพิชัยกล่าว
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมในสังกัด ส.อ.ท.ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของทรัมป์ หารือแนวทางรับมือภาษีตอบโต้ ว่าได้เรียกประชุมด่วนทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ระดมสมองหามาตรการต่างๆ หลังไทยถูกเรียกเก็บภาษีสูงถึง 36% คาดมูลค่าเสียหายจากการขึ้นภาษีดังกล่าวสูงถึง 800,000 -900,000 ล้านบาท ที่ประชุมให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุปสรรคทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย คือ 1.อุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี ประกอบด้วย 1. อัตราภาษีสูงและข้อจำกัดด้านการนำเข้า พบว่าสินค้าเกษตรต้องเผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าสูงในสินค้าเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อสัตว์ปีก ผลิตภัณฑ์นมและอาหารแปรรูปยานยนต์และชิ้นส่วน เผชิญภาษีนำเข้าสูง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาษีนำเข้าไวน์สูงถึง 400% 2.มาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ส่งผลให้เกิดการจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวที่มีอายุมากกว่า 30 เดือน ห้ามนำเข้าเนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง ห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากบางรัฐของสหรัฐฯ
โอกาสที่คุณไม่ควรพลาด! แพลตฟอร์มเทรดที่ได้มาตรฐาน กำไรสูง
Trade
3.ขั้นตอนศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ทำให้กระบวนการศุลกากรซับซ้อนประเมินมูลค่าไม่แน่นอน มีความเสี่ยงในการทุจริต ขณะที่ประเด็นอุปสรรคด้านการลงทุนประกอบด้วย 1.ข้อจำกัดภายใต้ พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ทำให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ในภาคบริการการเกษตรและโทรคมนาคม 2.ข้อจำกัดด้านการเปิดเสรีการลงทุนที่แม้ว่าสำนักงานบีโอไอจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ยังมีเงื่อนไขซับซ้อนในการขออนุญาต 3.การค้าดิจิทัลและข้อกําหนดด้านข้อมูล ทำให้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลบางประเภทต้องถูกจัดเก็บในไทย ทั้งยังมีข้อจำกัดการถ่ายโอนข้อมูลข้ามพรมแดน สร้างความไม่แน่นอนต่อบริษัท Fintech และ Cloud
ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ กล่าวอีกว่า เรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ส่งผลกระทบดังนี้ ไทยอยู่ใน “บัญชีเฝ้าระวังพิเศษ” กับปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ เว็บไซต์ผิดกฎหมาย ส่งผลเสียต่อผู้ผลิตเนื้อหาสหรัฐฯ สินค้าลอกเลียนแบบ เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การบังคับใช้กฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพ อุปสรรคการค้าเกษตรจะได้รับผลกระทบ คือข้อจำกัดเกี่ยวกับสารกำจัดศัตรูพืชและพืชดัดแปลงพันธุกรรม ระบบใบอนุญาตนำเข้าและโควตากระบวนการยุ่งยาก โดยเฉพาะเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากนม
นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า สำหรับ 20 อันดับมูลค่าสินค้าที่สหรัฐฯนำเข้าจากไทยปีที่ผ่านมา ได้แก่ อาหารสุนัขหรือแมว ข้าวที่สีบ้างแล้วหรือสีทั้งหมด ส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ วงจรอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณทำด้วยโลหะมีค่า ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณทำด้วยเงิน คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรวมถึงคอมพิวเตอร์ที่พกพาได้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไม่รวมคอมพิวเตอร์ที่พกพาได้ อุปกรณ์หน่วยเก็บความจำชนิดโซลิดสเตท กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบและที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ ยานยนต์ อาหาร พลาสติก เคมีภัณฑ์ เนื่องจากอัตราภาษีที่สูงขึ้นทำให้สินค้าไทยเสียเปรียบคู่แข่ง ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ถูกเก็บภาษีในอัตรา 25% ตั้งแต่เดือน มี.ค.68 อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของบริษัทแม่ในการย้ายฐานการผลิต รถมอเตอร์ไซค์สินค้าหลักที่ส่งออกไปสหรัฐฯ มากกว่ารถยนต์ อาจเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากประเทศคู่แข่ง
คู่รักจาก บ้านพันดอน กลายเป็นเศรษฐีด้วยวิธีนี้!
ประธาน ส.อ.ท. กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมอาหาร ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะอาหารแปรรูปและสินค้าประมง เช่น ปลาทูน่าและกุ้งแปรรูป เดิมมีอัตราภาษี 0% ถูกปรับขึ้นเป็น 36% ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย อุตสาหกรรมพลาสติก มูลค่าธุรกิจระหว่าง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากอัตราภาษีเพิ่มเป็น 36% อาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและสูญเสียส่วนแบ่งตลาด อุตสาหกรรมเคมี มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 11% ของทั้งหมด อาจลดลงหากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป อุตสาหกรรมเครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม ได้รับผลกระทบชัดเจน มูลค่าการค้าลดลงจาก 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือ 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อาจต้องชะลอการผลิตการส่งออก เนื่องจากผู้ซื้อต่างประเทศอาจปฏิเสธ เพราะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าสูง แต่อุตสาหกรรมรองเท้าอาจได้ประโยชน์ เนื่องจากประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามและกัมพูชา ถูกเก็บภาษีสูงกว่า อาจแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ได้ดีขึ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กและกลุ่มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง เนื่องจากถูกเก็บภาษี 25% ตั้งแต่แรกแล้ว ทำให้ต้นทุนการส่งออกไปสหรัฐฯ สูงขึ้น ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนี้อาจต้องเผชิญกับคำสั่งซื้อที่ลดลงและความสามารถในการแข่งขันระดับสากล
ประธาน ส.อ.ท. กล่าวด้วยว่า ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง หามาตรการรับมือและหารือกับสหรัฐฯ และสั่งการให้แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใดและหาจุดยืนร่วมกัน เพื่อ ส.อ.ท.จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เสนอแนวทางแก่รัฐบาลพิจารณาต่อไป ส่วนภาครัฐและเอกชนได้ร่วมเจรจาเพื่อเตรียมรับมือนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว เพื่อพิจารณาแลกเปลี่ยนสินค้าต่อรองกับสหรัฐฯ เบื้องต้นมีกรอบสินค้าเกษตรหลายตัวที่จะเปิดให้มีการนำเข้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสินค้าหนัก อาทิ อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบินรบ โดรน เป็นต้น ดังนั้น ภาครัฐต้องเร่งเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯอย่างเร่งด่วน ไม่ใช่แค่ลดการเกินดุลการค้าสหรัฐฯ แต่ต้องเร่งแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาและต้องออกมาตรการเร่งด่วนเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศไม่ให้เข้ามาทุ่มตลาดในประเทศเหมือนเช่นปัจจุบัน
คู่รักจาก บ้านพันดอน กลายเป็นเศรษฐีด้วยวิธีนี้!
อีกด้านหนึ่ง น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวถึง การที่สหรัฐฯตั้งกำแพงภาษีไทยในอัตรา 36% ว่าเป็นอัตราที่สูงเกินคาดการณ์ ดังนั้น ไทยคงต้องเตรียมรับมือกับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าผลจากภาษีดังกล่าวจะทำ ให้การส่งออกปี 68 ลดลง ทั้งการส่งออกไปสหรัฐฯและการส่งออกไปประเทศอื่นๆ รวมทั้งการรับมือสินค้าจากต่างประเทศที่จะทะลักเข้ามาขายในตลาดไทย คาดว่าจะทำให้การส่งออกของไทยลดลง ประมาณ 12,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท
น.ส.ณัฐพรกล่าวด้วยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยโดยรวมจะได้รับผลกระทบราว 1% ทำให้ปรับลดประมาณการขยายตัวของจีดีพีลงมาอยู่ที่ 1.4% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 2.4% ในการเจรจาไทยจะต้องยอมเสียเปรียบสหรัฐฯบางเรื่อง เช่น การซื้อสินค้าเพิ่มในบางประเภท รัฐบาลต้องเตรียมการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้วย ส่วนของนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมวันที่ 30 เม.ย. เพื่อลดผลกระทบและอาจจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้งในครึ่งปีหลัง ส่วนนโยบายการคลัง ขณะนี้มีพื้นที่ทางการคลังเหลือน้อยมากจะต้องเลือกนโยบายการเยียวยาอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบฐานะการคลังในอนาคต
ขณะที่ น.ส.เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ผลกระทบของทรัมป์ในครั้งนี้ จะส่งผลต่อเนื่องถึงภาคอุตสาหกรรมของไทยและเอสเอ็มอีที่ถูกกระทบมาต่อเนื่องและยังมีแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหรือ (MPI) เสี่ยงจะหดตัวลงกว่าเดิม หรือติดลบ 3.4% ในปี 68 จากเดิมคาดที่ติดลบ 1% ขณะเดียวกัน แรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวก็ลดน้อยลง โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 68 ลงมาที่ 35.9 ล้านคน จากเดิมคาด 37.5 ล้านคน และจะส่งผลต่อเนื่องถึงการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน เงินลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างชาติที่เตรียมจะลงทุนกับเรา คงต้องรอดูและประเมินสถานการณ์ใหม่ว่า หลังจากทรัมป์ขึ้นภาษีไทยแล้ว ผลการเจรจาของรัฐบาลเป็นอย่างไร เพราะหากมองเปรียบเทียบในเวลานี้ดูเหมือนว่าเราเสียเปรียบหลายประเทศในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ