วันที่ 2 ธันวาคท 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป โดยการอำนวยการของนายอุดมเกียรติ หงษ์มาลา นายอำเภอพนมไพร/ผอ.ศป.ปส.อ.พนมไพร และนายพศิณ ศรีธร ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง และสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดน อ.พนมไพร ที่ 10 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ ม.9 ต.กุดน้ำใส อ.พนมไพรฯ กรณีได้รับรายงานจากผู้ใหญ่บ้านว่าพบกระสอบต้องสงสัยว่ามียาบ้าบรรจุอยู่ในกระสอบ โดยได้บูรณาร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมไพร ลงพื้นที่ตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบกระสอบบรรจุยาบ้าวางทิ้งไว้ข้างกำแพงด้านในโรงเรียนบ้านกุดน้ำใส ไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของและไม่ทราบว่าผู้ใดนำมาวางไว้ ตรวจนับเบื้องต้นมียาบ้าประมาณ 99,800 เม็ด นำของกลางเก็บไปตรวจสอบและทำบันทึกตรวจยึดที่ สภ.พนมไพร เพื่อส่งพนักงานสอบสวนติดตามหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 27 พ.ย.68 เวลาประมาณ 07.00 น. ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 (ชปส.กก.ตชด.44) ได้เปิดปฏิบัติการขยายผลและจับกุมเครือข่ายยาเสพติดข้ามภูมิภาค
ชุดเจ้าหน้าที่ ชปส.กก.ตชด.44 นำโดย พ.ต.ท.วิญญา ขวัญเกลี้ยง พร้อมชุดสืบสวนขยายผล ได้เข้าทำการจับกุม นางสาวปนิดา ฯ อายุ 29 ปี ที่อยู่ ต.ช่องสามหมอ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ได้บริเวณริมถนนหลวงหมายเลข 9 ใกล้กับปั๊ม ปตท.สามโคก ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
พร้อมของกลางยาบ้า 1,164,000 เม็ด
การปฏิบัติงานของ ชปส.กก.ตชด.44 ซึ่งเป็นหน่วยหลักในการปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.สามโคก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลเครือข่ายต่อไป
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การอำนวยการของ นายเอนก ปันทะยม นายอำเภอเทิง/ผอ.ศป.ปส.อ.เทิง กรณีตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย
จับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ ได้ผู้ต้องหา 1 คน ชื่อนายศักดิ์ดา (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 12 ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย
ของกลาง
1. ไอซ์ 11 กระสอบ รวมประมาณ 320 กิโลกรัม
2. ยาบ้า 9 กระสอบ **รวมประมาณ 1,898,000 เม็ด**
3. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า สีเขียว เลขทะเบียน บษ 1443 เชียงราย
- พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุกก.สส.ภ.จว.เชียงราย ได้รับแจ้งจาก จากสายลับว่าจะมีการลักลอบส่งมอบยาเสพติดกันบริเวณถนนสายบายพาส เทิง - จุน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และจัดกำลังออกสืบสวนจับกุมตามเส้นทาง
- ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ประมาณ 20.00 น. พบรถยนต์กระบะ มีโครงเหล็กบรรทุกฟางข้าว ขับเข้ามาจอดอยู่ที่บริเวณที่มืดข้างทางและมีชายจำนวน 2 คนกำลังยกสิ่งของลงจากรถอย่างมีพิรุธ จึงเข้าทำการตรวจค้น
- ผลการตรวจสอบปรากฏพบของกลาง ไอซ์ 11 กระสอบ รวมประมาณ 320 กิโลกรัม, ยาบ้า 9 กระสอบ รวมประมาณ 1,898,000 เม็ด บรรทุกอยู่กระบะท้ายรถและบริเวณพื้นดิน สอบถามเบื้องต้นยอมรับว่า ไปลำเลียงยาเสพติดมาจากพื้นที่ ต.บ้านต้า อ.เทิง จว.เชียงราย ให้นำยาเสพติดมากองวางไว้บริเวณสถานที่จับกุม โดยจะได้รับค่าจ้าง 50,000 บาท โดยใช้ฟางข้าวปิดบังอำพราง ในส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลต่อไป
พ.ต.อ.วีระ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากตำรวจจราจร สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกวดขันวินัยจราจร ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และสกัดกั้นยาเสพติด ที่บริเวณถนนสายกาฬสินธุ์-มุกดาหาร (ตัดใหม่) ตรงกันข้ามทางเข้าบ้านคอนเรียบ ต.หลุบ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา ระหว่างปฏิบัติหน้าที่พบรถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียน 8กท 5323 กรุงเทพมหานคร ขับมาจากทาง จ.มุกดาหาร พอถึงจุดตรวจเจ้าหน้าที่ได้โบกให้หยุดรถ แต่คนขับรถคันดังกล่าวไม่ยอมหยุด พร้อมกับขับรถด้วยความเร็วผ่านตำรวจไป แล้วเลี้ยวเข้าไปทางบ้านกลางดง ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ ตำรวจจราจรจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด
จากนั้นถึงระยะทางประมาณ 300 เมตร รถยนต์คันดังกล่าวเกิดมีปัญหา คนขับคือ นายนพคุณ ได้เปิดประตูรถลงวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ตามกระทั่งสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ และนำพามาตรวจที่รถยนต์เก๋ง ปรากฏว่า พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ข้างในประมาณ 686,00 เม็ด
ร่วมกันจับกุม
1.นายเอ อายุ 37 ปี
-ของกลาง
1.ยาบ้า จำนวน 7,550 เม็ด
ตรวจยึดทรัพย์สินตามมาตรการ
1.รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน ราคารวม 300,000 บาท
2.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ราคารวม 60,000 บาท
รวม 360,000 บาท
-โดยกล่าวหาว่า
“จำหน่ายยาเสพติดโทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า)โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยการกระทำเพื่อการค้าและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย”
-สถานที่จับกุม
บริเวณบ้านเลขที่ xx หมู่ที่ 16 ตำบลคลองขาม อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์
2.นายบี อายุ 55 ปี
-ของกลาง
วันที่ 28 พ.ย.68 นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดเลย นายสุชิน จันทร์ปาน นายอำเภอปากชม/ผอ.ศป.ปส. อ.ปากชม, สภ.ปากชม, ร้อย ทพ. 2019 ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอปากชม ร่วมกันตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย ตามหมายค้นจากบัญชีรายชื่อทอดผ้าป่ายาเสพติดพื้นที่ อ.ปากชม จ.เลย (ผู้ค้า) เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยได้ดำเนินการตรวจค้นบ้านพัก/กระท่อม ของผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเข้มงวด จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จำนวนหนึ่ง แยกเป็นรายคดี ได้ 1 คดี ของกลางอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอกกระสุนปืนขนาดต่าง ๆ ยาเสพติด metamphetamine (ยาบ้า)จำนวนประมาณ 1,600 เม็ด แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จึงได้วางกำลังเข้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางตั้งแต่ จ.ลำปาง จนเข้ามาในบริเวณพื้นที่ จ.นครสวรรค์ กระทั่งพบความผิดปกติ เมื่อรถต้องสงสัยขับเปลี่ยนเส้นทาง โดยใช้ถนนเส้นทางรองมุ่งหน้ามายัง ต.เขาทอง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน ซึ่งผิดวิสัยที่รถบรรทุกคันใหญ่จะเข้าไปได้ โดยมุ่งหน้าจึงได้ทำการสะกดรอยติดตาม ก่อนแสดงตัวตรวจค้น
จากการตรวจค้น พบยาบ้าจำนวน 25 กระสอบ ซุกซ่อนในกระสอบข้าวเหนียว อยู่ด้านท้ายกระบะ จึงแสดงตัวจับกุม สอบสวนนายสมนึก สารภาพว่า มีคนว่าจ้างให้ขนยาเสพติดดังกล่าวจาก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ไปส่งตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ โดยทำมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกได้ค่าจ้าง 3,000 บาท ส่วนครั้งนี้ยังไม่ได้รับค่าจ้าง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตา
มีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ" นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
เมื่อวันที่ 27 พ.ย.68 ที่สถานีเรือสังคม นรข.เขตหนองคาย ต.สังคม อ.สังคม จ.หนองคาย , นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ รอง ผวจ.หนองคาย พร้อมด้วย น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย , นายนวน โทบุตร นายอำเภอสังคม , ร.อ.ไพรสน พลเสน หัวหน้าสถานีเรือสังคม (นรข.เขตหนองคาย) , ร.อ.ยุทธณา สีไชย์ ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2110 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 , น.ส.วรรณา ผู้อุตส่าห์ นายด่านศุลกากรหนองคายปฏิบัติหน้าที่ ผอ.สำนักงานศุลกากรหนองคาย ,ตำรวจภูธรอำเภอสังคม ,ตชด.246 ,อส.อำเภอสังคม และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายวีระพล (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ชาว ต.นางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 208,000 เม็ด
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า การรถไฟฯ ได้รับแจ้งจากศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมบนขบวนรถไฟ (ศปรฟ.บช.ก.) กรณีเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 68 เวลา 21.15 น. ตำรวจสอบสวนกลางที่ปฏิบัติภารกิจบนขบวนรถไฟ ได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดบนขบวนรถด่วนที่ 52 (เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์) จำนวน 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวพร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 190,000 เม็ด ที่ลักลอบซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ขณะอยู่บนขบวนรถ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เพื่อลงจากขบวนรถและสอบปากคำเพิ่มเติม ที่สถานีรถไฟศิลาอาสน์ ทราบชื่อ นายสุวัฒน์ อายุ 26 ปี และ น.ส.นันทิชา อายุ 28 ปี พร้อมแจ้งข้อหา "ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยการค้าก่อให้เกิดการแพร่กระจายของยาเสพติดในกลุ่มประชาชนและเป็นภัยต่อความมั่นคง" ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ท.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 ได้มอบหมายให้กำลังจาก ส่วนสกัดกั้นฯ ตอนบน บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) โดย ร้อย.ฉก.ทพ.2104 ฉก.ทพ.21 ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังได้รับแจ้งจาก ชุดปฏิบัติการข่าวที่ 3 กกล.สุรศักดิ์มนตรี ว่ามีกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ อ.โพนพิสัย
เจ้าหน้าที่จุดซุ่มสกัดบริเวณบ้านแดนเมือง ต.วัดหลวง พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ด สีแดง ทะเบียน กท 1146 ชัยภูมิ ขับเข้าปากซอยแดนเมือง ซอย 12 มีชายหนึ่งคนลงจากรถและยกวัตถุต้องสงสัยขึ้นรถ ก่อนพยายามขับหลบหนีเมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัว
เกิดการไล่ล่าต่อเนื่องในช่วงเวลาประมาณ 00.30 น. ผู้ต้องหาทิ้งวัตถุต้องสงสัยบริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 212 ห่างซอย 12 ประมาณ 200 เมตร ก่อนรถเสียหลักบนถนนทางหลวงชนบท นค.4004 ทางเข้าหมู่บ้านโคกเจริญ หมู่ 16 ต.วัดหลวง ผู้ต้องหาอาศัยความมืดหลบหนีเข้าป่า
จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายโต้ง อายุ 30 ปี และนายเบียร์ อายุ 33 ปี ชาว อ.ขุนหาญ จว.ศรีสะเกษ พร้อมของกลาง ยาบ้า 376 มัด รวมจำนวน 752,000 เม็ด รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ MG สีดำ และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ที่บริเวณถนนบ้านอูบมุง อ.เขมราฐ จว.อุบลราชธานี ต่อเนื่อง บริเวณถนน 2050 บ้านตาดโตนคุ้มพรสวรรค์ ม.7 ต.แก่งเค็ง อ.กุดข้าวปุ้น จว.อุบลราชธานี
สภ.เมืองขอนแก่นร่วมฝ่ายปกครอง บุกจับหญิงวัย 34 เปิดบ้านเป็นจุดจัดหาบัญชีม้า ส่งให้เครือข่ายสแกมเมอร์จีนกว่า 47 บัญชี หลังเคยทำงานกับบอสจีนที่ปอยเปตนานเกือบ 2 ปี
การสืบสวนพบว่าผู้ต้องหารับค่าตอบแทนบัญชีละ 15,000 บาท แบ่งให้นายหน้า-เจ้าของบัญชี 6,000 ส่วนที่เหลือเก็บเอง เจ้าหน้าที่ตรวจยึดโทรศัพท์ บัตรเอทีเอ็ม ซิม และเอกสารหลายรายการ
นำตัวส่งสอบสวน พร้อมขยายผลล่าผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 06.00 น. พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เชษฐา เชยชุ่ม รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สส.ภ.จว.สุรินทร์ และ พ.ต.อ.จักริน อุ่นดี ผกก.ตชด.21 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังหลายหน่วยงาน ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วจังหวัดสุรินทร์
ผลการปฏิบัติ
• จับกุมผู้ต้องหา 2 คดี รวม 3 ราย
• ของกลางยาบ้า 146,206 เม็ด พร้อมเครื่องกระสุนปืนและอุปกรณ์เกี่ยวข้อง
• พบผู้ต้องหาบางรายมีประวัติยาเสพติด และมีความเชื่อมโยงเครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวลาว
วันที่ 24 พ.ย.68 เวลา 12:00 กกล.สุรศักดิ์มนตรี/ส่วนสกัดกั้น ภาค ตอ./น. ตอนบน นบ.ยส.24 บก.ควบคุมที่ 1 (ร.3) โดย ร้อย.ฉก.ทพ.2105 พร้อมด้วย ปกครอง อ.เมืองมุกดาหาร, ร้อย.ตชด.ที่ 234 ได้รับทราบจากแหล่งข่าวว่ามีการลักลอบทำผิดกฎหมายฯ โดยการนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในเขตพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยฯ หน่วยจึงได้จัด ชป.คทร. ทำการเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด พื้นที่จุดเสี่ยง จุดเพ่งเล็ง ตามภาพข่าว บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขง บ้านนาเวียงแก ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร ครั้นเมื่อเวลา 17:30 ได้ตรวจการณ์พบ เรือหาปลาต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ แล่นเรือมาจากฝั่ง สปป.ลาว มายังฝั่งไทย ขับวนเลียบตลิ่งไปมามีกระสอบสิ่งของต้องสงสัยอยู่บนเรือ ใกล้กับจุดที่เจ้าหน้าที่ทำการเฝ้าตรวจอยู่ จากนั้นเรือลำดังกล่าวได้แล่นเข้ามาและมีบุคคลบนเรือ ทำการยกสิ่งของขึ้นมาบนฝั่ง แล้วรีบขับเรือกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าสังเกตุการณ์ แต่ไม่มีบุคคลมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ หน่วยจึงเข้าทำการตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัยในกระสอบ จำนวน 2 กระสอบ พบเป็น ยาบ้า บรรจุแพคอยู่ในกระสอบทั้ง 2 กระสอบ จำนวร 95 มัด ประมาณ 190,000 เม็ด
รวบผู้ต้องหา 2 คน พร้อมรถยนต์ 2 คัน พบเป็นกลุ่มลำเลียงยาบ้าอีสานใต้
วันนี้ (22 พฤศจิกายน2568) ตํารวจตระเวนชายแดนภาค2
สนธิกำลังทหาร ปปส. กอ.รมน. ร้อยตชด.236 จับกุม กลุ่มลำเลียงยาเสพติดอีสานใต้ ที่ลักลอบขนยาบ้า 1,200,000 เม็ด ยึดรถยนต์ 2 คัน จับผู้ต้องหา 2 คน คือ นายพรชัย อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ คนขับรถบรรทุกยาบ้า และนายทัศนะ อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ คนขับรถนำทาง
หลังพากันกำลังลำเลียงยาบ้านำไปส่งในพื้นที่ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม แต่ถูก ตชด.ภาค 2 สกัดจับได้บริเวณสะพานเทพสุดา จังหวัดกาฬสินธุ์
โดยเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้บงการรายใหญ่ต่อไป
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ชุดปฏิบัติการข่าว สำนักการข่าว กอ.รมน. ชุดที่ 18 ได้บูรณาการร่วมกับ ชุด ชปข.บก.ตชด.ภาค 2, ชปพ.ศอ.ปส.ทร (นสร.กร.), นปส.ขกท.กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ชรต 201 กอ.รมน.ภาค 2 (ก.ส.), กก.3 บช.ปส.2, สำนักปราบปราม ป.ป.ส., ศวข.อุดรธานี (บช.ปส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการไล่ล่ากลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ต่อเนื่อง กาฬสินธุ์ - มหาสารคาม
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ได้เริ่มปฏิบัติการ ติดตามรถต้องสงสัยจาก จ.มุกดาหาร ก่อนประสานกำลังหลายหน่วย เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี โดยปฏิบัติการไล่ล่าข้ามจังหวัดเริ่มตั้งแต่ จ.มุกดาหาร ผ่านเข้าสู่พื้นที่ ต.บึงวิชัย อ.เมืองกาฬสินธุ์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเร่งปิดเส้นทางมุ่งหน้าไปยังสี่แยกไฟแดงแก่งเลิงจาน ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม ต่อเนื่องถึงบ้านหัวช้างสว่าง หมู่ 11 ต.กุดรัง อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นจุดปิดล้อมสุดท้าย สามารถสกัดจับผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายวุฒิ อายุ 30 ปี ชาว ต.นาดี อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และนายพีรชัย อายุ 22 ปี ชาว ต.หัวนาคำ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลาง ยาบ้า 600,000 เม็ด
ปฏิบัติการของ ตชด.มุกดาหารในการตรวจยึดยาบ้าปริมาณมหาศาลกว่า 4,040,000 เม็ด กลางป่าลึกอำเภอคำชะอี กำลังเผยให้เห็นโครงสร้างการลำเลียงยาเสพติดริมโขงที่ขยับตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนปีใหม่ โดยพื้นที่ป่า–สวนยางถูกใช้เป็น “คลังพักยา” ก่อนกระจายเข้าสู่จังหวัดตอนในแบบเป็นระบบ
ของกลางประกอบด้วย
3,232,000 เม็ด จากจุดแรก
808,000 เม็ด จากการขยายผล
ประชากรยาเสพติดจำนวนนี้สะท้อนชัดว่าป่าคำชะอียังคงเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเครือข่ายข้ามชาติ
กลยุทธ์ใหม่ของเครือข่ายต่างชาติ : ขึ้นยาที่นครพนม แต่เลี่ยงสายตรวจด้วยการใช้มุกดาหารเป็นเส้นทางผ่าน
ข้อมูลด้านความมั่นคงชี้ว่า เครือข่ายค้ายาข้ามชาติกำลังปรับวิธีลำเลียงยา
ขึ้นจากจังหวัดนครพนม
แต่
หักเข้ามุกดาหารก่อนส่งต่อไปยังอีสานตอนในและภาคกลาง
เหตุผลสำคัญคือ
ถนนรองจำนวนมาก
บ้านชุมชนเชื่อมต่อป่าลึก
สวนยางซ่อนตัวง่าย
การข่าวบางพื้นที่ยังไม่เท่าทันยุทธวิธีใหม่ของขบวนการ
ปรากฏการณ์นี้ทำให้เส้นทางยาเสพติดยุคปัจจุบันซับซ้อนกว่าเดิมหลายเท่า
เสียงประชาชนริมโขง : หน่วยงานทางน้ำทำงานเต็มประสิทธิภาพหรือไม่? เพราะจับแต่สินค้าเกษตร
ประชาชนริมฝั่งโขงเริ่มตั้งคำถามสำคัญว่า
“การปราบปรามยาเสพติดทางน้ำเอาจริงแค่ไหน?”
เพราะสถิติการจับกุมในช่วงหลังกลับพบว่า
กระเทียม
อะโวคาโด
มะม่วง
ข้าวดำ
รวมถึงสินค้าเกษตรผิดกฎหมายอื่น ๆ
ถูกยึดในปริมาณมาก
ขณะที่ยาเสพติดกลับ หลุดเข้าไปถึงจังหวัดตอนในถี่มากกว่าปีก่อน
และ จับได้น้อยมากในพื้นที่ต้นทาง
เจ้าหน้าที่บางส่วนให้ข้อมูลว่า
“ผู้ประกอบการบางกลุ่มซุกซ่อนยาเสพติดมากับสินค้าเกษตร ทำให้การตรวจค้นสลับซับซ้อนและใช้เวลายาวนานกว่าสมัยก่อน”
แต่คำถามสำคัญยังคงย้อนกลับมาว่า
“เหตุใดยาเสพติดปริมาณมหาศาลจึงหลุดเข้าไปได้มากกว่าที่ตรวจยึดริมโขง?”
เจ้าหน้าที่จังหวัดตอนในยืนยันตรงกัน : ยาที่จับได้จำนวนมาก ‘ขึ้นจากมุกดาหาร’
หลายคดีในจังหวัดตอนในของภาคอีสานและภาคกลางให้ข้อมูลสอดคล้องกันว่า
“เส้นทางที่ผู้ต้องสงสัยกล่าวถึงมากที่สุดคือเส้นทางจากมุกดาหาร”
การลำเลียงแบ่งเป็นสองรูปแบบสำคัญ
พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ให้เร่งกวาดล้างเครือข่ายค้ายาในชุมชน
ล่าสุด ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ปส. สามารถขยายผลจากคดีจับยาบ้า 3 ล้านเม็ดที่นครปฐม จนพบเครือข่ายใหญ่เชื่อมโยงหลายจังหวัด
วันที่ 6 พ.ย. 68 เวลาตีสอง เจ้าหน้าที่ติดตามรถเก๋งต้องสงสัยทะเบียน 6กส 7275 กทม. บนถนนเพชรเกษม ราชบุรี ก่อนเข้าจับกุม นายชัยสิทธิ์ และ นายณัฐพงศ์ พบของกลาง ยาบ้า 32,000 เม็ด เฮโรอีน 350 กรัม
ทั้งคู่ซัดทอดว่าไปรับของจากชายในโรงเลี้ยงไก่ที่ จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่นำกำลังบุกค้น พบ นายพลเทพ ทำหน้าที่ “หัวจ่ายยา” พร้อมพาไปขุดจุดฝังยาในถังพลาสติก 2 ถัง เจอ ยาบ้าเพิ่มอีก 60,000 เม็ด ในห้องพักยังพบ ไอซ์ 2 กรัม ยาอี 2 เม็ด ปืน 3 กระบอก และกระสุนจำนวนมาก
นายพลเทพรับว่าเป็นหัวจ่ายยา ทำหน้าที่กระจายยาให้ลูกค้าในหลายจังหวัด เช่น นครปฐม กรุงเทพฯ กาญจนบุรี ประจวบฯ ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร และชลบุรี ได้ค่าจ้างครั้งละ 30,000–50,000 บาท
ตำรวจจึงยึดทรัพย์รวมกว่า 11 ล้านบาท ทั้งรถยนต์ 3 คัน จยย. 2 คัน ที่ดิน 14 ไร่ และเงินสดในบัญชี 2 แสนบาท พร้อมเร่งขยายผลถึงผู้สั่งการและเครือข่ายในพื้นที่
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนหาข่าว และมีสายลับแจ้งว่า นายแบงค์ และน.ส.ป๊อป มีการลักลอบจำหน่ายยาและเก็บยาเสพติดในบ้านดังกล่าว จึงเข้าตรวจสอบพบแบงค์และน.ส.ป๊อป อยู่ในห้องนอน ระหว่างการตรวจสอบทั้ง 2 คน โยนสิ่งของออกนอกหน้าต่าง เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในป่าข้างบ้าน พบเป็นห่อยาบ้า จึงควบคุมตัวทั้ง 2 คน ไปขยายผลจนสามารถจับกุม น.ส.จี้ และนำตัวค้นห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต แต่ไม่พบยาเสพติด ชุดจับกุมจึงนำตัว ทั้ง 3 คน มาสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ถลาง พร้อมทำบันทึกการจับกุม
จากการสอบถาม น.ส.จี้ ผู้ต้องหาคนที่ 3 รับสารภาพว่า ตนได้ไปพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมมาแล้ว 2 วัน และรับสารภาพว่า ยาเสพติดของกลางเแผ้นของตน ที่สั่งมาจากชายไทยไม่ทราบชื่อ โดยครั้งล่าสุดได้สั่งยาบ้ามาจำนวน 3 มัด 6,000 เม็ด ในราคามัดละ 27,000 บาท และสั่งซื้อไอซ์มาจำนวน 300 กรัม ในราคา 120,000 บาท ต่อมาตนได้ติดต่อให้นายแบงค์มารับยาเสพติดที่ตนเพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ก่อนจะนำไปจำหน่ายต่อให้กับเครือข่าย ที่สั่งซื้อผ่านตน และจะให้นายแบงค์นำยาเสพติดไปส่งมอบให้กับเครือข่ายและจ่ายค่าจ้างให้ นายแบงค์ ครั้งละ 2,000 – 2,500 บาท
วันศุกร์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2568
ตั้งแต่เวลา11.00 น. เป็นต้นไป
ตามนโยบายการกวาดล้างยาเสพติด No Drugs No Dealers ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด ของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
โดยการอำนวยการของนายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายไพโรจน์ จิตจักร์ ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด นายชาณญ์ บุตรวงศ์ นายอำเภอสุวรรณภูมิ พ.จ.อ. ประชัน อาจนนลาปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง นำโดย นางปิ่นแก้ว ชุติอาภากร ,นายมนตรี มุงธิราช ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง,นายอธิชาติ ทองขัน เจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงาน, ทหารจาก มทบ.27 พร้อมด้วย อส.ร้อย.อส.อ.สุวรรณภูมิที่11 ลงพื้นที่ตรวจสอบบุคคลเป้าหมายที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีผลดำเนินการดังนี้
ตรวจสอบกลุ่มเป้าร้องเรียนได้รับแจ้งว่ามีบุคคลมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่ ตำบลหินกอง อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
ขอรายงานผลการดำเนินการดังต่อไปนี้
1. จับกุมชาย อายุ 52 ปี และหญิงสาว อายุ 24 ปี พร้อมยาบ้า จำนวน 370 เม็ด จึงแจ้งข้อหา ดังนี้
1). ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1(เมทแอมเฟตามีน/ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน
2.) เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(เมทแอมเฟตามีน/ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย
จากนั้นนำตัวผู้ถูกจับส่งตรวจยืนยันผลที่โรงพยาบาลสุวรรณภูมิก่อนส่งตัวพร้อมของกลางให้พนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันอาทิตย์ ที่ 7 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 15.40น.
โดยการอำนวยการของ นายชาณญ์ บุตรวงศ์ นายอำเภอสุวรรณภูมิ พ.จ.อ.ประชัน อาจนนลา
ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอสุวรรณภูมิ
สั่งการให้นายปรัชญา ใจสาหัส ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายมนตรี มุงธิราช ปลัดอำเภอ นายอธิชาติ ทองขัน เจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงาน พร้อมด้วย สมาชิก อส.สังกัดกองร้อย อส.อ.สุวรรณภูมิที่ 11และเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.27 ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับร้องเรียนจากประชาชนพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ดมีพฤติการณ์จำหน่ายยาบ้า ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอสุวรรณภูมิ จึงได้เข้าตรวจสอบตามคำร้องเรียน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว ว่าเป็นเจ้าพนักงานงานฝ่ายปกครองและเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.และได้ขออนุญาตตรวจปัสสาวะหญิงสาววัย 25 ปี เบื้องต้นพบผลเป็นบวกและได้ตรวจค้นภายในร่างกาย
พบยาบ้าบรรจุในกระเป๋าจำนวน 6,000 เม็ด อยู่ในกระเป๋า
พร้อมเงินจำนวน 30,000 บาท
ขณะที่นางสาวกหมวย กำลังไปโอนตังค่ายาจำนวนเงิน 30,000 บาท
ผู้ต้องหาได้ให้การสารภาพว่ายาบ้าที่พบเป็นของตนเองจริงและได้มีชายนักบิน ตำบลสระคู เป็นคนนำมาให้จำหน่ายในชุมชน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นสืบขยายผล เจ้าหน้าที่จึงไปสอบถามว่ายาบ้านี้เป็นของกลางให้การรับสารภาพว่ายาบ้าที่พบนั้นเป็นของตนเองจริง ได้ที่ฝ่ายปกครองจึงได้ควบคุมตัวทั้งสองคนมาทำบันทึกจับกุมและส่ง สภ.สุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
บุกจับ ตำรวจ ปส.ร้อยเอ็ด สกัดจับครูศูนย์เด็กเล็ก
ค้ายาบ้าซ่อนท้านรถเก๋งและซุกในบ้านรวม 370,000 เม็ด
เมื่อวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.30 น. บริเวณหน้า สภ.ธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แถลงการจับกุมคดียาเสพติดโดยมีของกลางยาบ้าจำนวน 370,000 เม็ด และมีผู้ต้องหา 2 คน เป็นแม่ลูก ซึ่งแม่มีอาชีพ เป็นครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์
นรข.หน่วยเรือโพนพิสัย นรข.เขตหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 1.76 ล้านเม็ด บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขงหน้าโรงเรียนบ้านพวก ต.บ้านเดื่อ อ.เมือง จ.หนองคาย และสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 3 ราย หนึ่งในผู้ต้องหา อายุเพียง 16 ปี สารภาพจะได้ค่าจ้างคนและ 4,500 บาท เจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายและยึดทรัพย์ต่อไป
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (8 พ.ย. 68) หน่วยเรือโพนพิสัย ต.วัดหลวง อ.โพนพิสัย จังหวัดหนองคาย นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , พลเรือตรี ณรงค์ เอมดี ผู้บัญชาการ นรข. , น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย , พลตำรวจตรี อัทธชนม์ ช่วงงาม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย , ร.อ.ภาสพล สีทองเกตุ หัวหน้าหน่วยเรือโพนพิสัย , พันเอก เรวัฒ ธรรมจิรเดช เสธ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี, พันเอก อุดมการณ์ ศรีแขไตร รอง ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 กกล.สุรศักดิ์มนตรี , นางสาววรรณา ผู้อุตส่าห์ นายด่านศุลกากรหนองคาย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรหนองคาย , พันตรี วิทยา สิงห์อร ผบ.ร้อย ฉก.ทพ.2104 , พันตรีหญิง วิไลลักษณ์ มีชัยพิทักษ์สกุล หัวหน้า ฝนผ.กนผ.ขว. กอ.รมน.จังหวัด.น.ค , สภ.โพนพิสัย , สภ.บ้านเดื่อ , ตชด.ที่245 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาชาย 3 ราย หนึ่งในผู้ต้องหาชาวจังหวัดสกลนคร อายุเพียง 16 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 1.76 ล้านเม็ด รถยนต์เก๋ง 1 คัน และรถยนต์กระบะ 1 คัน ที่เจ้าหน้าที่ นรข.หน่วยเรือโพนพิสัย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจยึดได้ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขงหน้าโรงเรียนบ้านพวก ต.บ้านเดื่อ อ.เมือง จ.หนองคาย เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา.
วันที่ 28 ตุลาคม 2568 ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ฉวีทอง ผกก.สภ.ศรีธาตุ และ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ นาสมตรอง รอง ผกก.สส.สภ.ศรีธาตุ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ไพบูลย์ ไชยสิทธิ์สกุล สว.สส.สภ.ศรีธาตุ
พร้อมชุดสืบสวน ดำเนินการจับกุมชายอายุ 45 ปี ชาวตำบลตาดทอง อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี
ของกลางที่ตรวจยึดได้ ได้แก่.ย-าบ้าจำนวน 600 เม็ด ,โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง.ขวดบรรจุตัวอย่างปัสสาวะของผู้ต้องหา 1 ขวด และรถจักรยานยนต์ 1 คัน
เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
รวบลูกชายนักการเมืองวัย 19 ฆ่าโหดแฟนสาว ม.6 ทิ้งศพในทุ่งนา จำนนด้วยหลักฐาน อ้างหึงหวง-ฝ่ายหญิงขอเลิก
กรณีพบร่าง น้องโฟกัส อายุ 19 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ในสภาพมีบาดแผลที่ศีรษะคล้ายถูกของแข็งทุบ นอนเสียชีวิต อยู่กลางทุ่งนาริมถนนแห่งหนึ่งพื้นที่ อ.หันคา จ.ชัยนาท เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (3 ม.ย.68)
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หันคา ได้บุกรวบตัว นายนพณัฐ อายุ 19 ปี แฟนหนุ่มของผู้ตาย ซึ่งเป็นลูกอดีต สจ. คนดังเมืองชัยนาท โดยเจ้าตัวปฏิเสธเจ้าหน้าที่ว่าไม่ใช่คนลงมือทำร้าย แต่เจ้าหน้าที่ตามไปพบรถจักรยานยนต์ เสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่เลอะโคลน พร้อมโทรศัพท์น้องโฟกัส จึงยอมรับสารภาพด้วยหลักฐาน อ้างว่า ที่ก่อเหตุเพราะรัก และหึงหวง บวกมีอาการมึนเมา
ล่าสุดวันนี้ (4 ม.ย.68) พ.ต.อ.ธนกฤต รวยอารี ผกก.สภ.หันคา. เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันนี้ จะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุพาผู้ตายซ้อนรถจักรยานยนต์ไปกินหมูกระทะที่ อ.วัดสิงห์ ขากลับเกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน เพราะฝ่ายหญิงขอเลิก ทะเลาะกันมาตลอดทาง จนมาถึงที่เกิดเหตุมีปากเสียงรุนแรง จึงได้บีบคอ ชกต่อยผู้ตาย พอผู้ตายล้มลงกับพื้นก็เตะเข้าที่ใบหน้ารุนแรงหลายครั้ง จนผู้ตายแน่นิ่งไป ก็ลากผู้ตายลงไปไว้ในทุ่งนา
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
เมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 26 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวถูกฆาตกรรมภายในโรงแรมหรู ย่านสุขุมวิท จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนเข้าตรวจสอบพร้อมทีมสืบสวน เจ้าหน้าที่นิติเวช และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นห้องพักบนชั้นที่ 22 ภายในห้องพบประตูไม่ได้ล็อก เครื่องปรับอากาศยังเปิดอยู่ และภายในห้องน้ำพบร่างหญิงวัย 30 ปี ถูกห่อด้วยผ้าห่มและผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือด นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นห้องน้ำ ศพอยู่ในสภาพไม่สวมเสื้อ ศีรษะถูกพันด้วยผ้าเปื้อนเลือด นอกจากนี้ยังพบว่าทรัพย์สินบางส่วนของผู้เสียชีวิต อาทิ กระเป๋าแบรนด์เนมและนาฬิกาหรู ได้หายไป
จากการสอบสวนเพื่อนของผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลว่า ไม่สามารถติดต่อกับเธอได้ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 24 มีนาคม กระทั่งวันนี้จึงเข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ และนำเอกสารแจ้งความไปขอให้เจ้าหน้าที่อาคารช่วยเปิดห้องตรวจสอบ เมื่อเปิดเข้าไปพบว่าประตูไม่ได้ล็อก แอร์ยังเปิดอยู่ และพบร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ
เพื่อนผู้เสียชีวิตระบุว่า ก่อนหน้านี้ ผู้เสียชีวิตเคยมีปัญหากับแฟนหนุ่มชาวสิงคโปร์และมักมีการทะเลาะกันรุนแรงเป็นประจำ ขณะที่ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อาคารพบว่า แฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิตได้ออกจากโรงแรมไปเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 มีนาคม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวบุคคลต้องสงสัยมาสอบปากคำต่อไป